หน่วยงาน :
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พระพุทธบาท |
ประเภทผลงาน :
โครงการวิจัย |
ชื่อผลงาน: 54015 กระบวนการพัฒนาชุมชนเข้มแข็งเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับบุคคลที่มีความพิการ:กรณีศึกษาจากเครือข่ายภาคีสุขภาพ |
|
เป็นผลงานที่อยู่ในแผนส่งเสริมการนำเสนอผลงานวิชาการของวิทยาลัย |
|
ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากวิทยาลัยและ/หรือหน่วยงานอื่นๆ ในการไปนำเสนอผลงานวิชาการ |
ชื่อผู้ทำวิจัย |
สถานะการทำวิจัย |
สัดส่วน |
|
ผศ. บุญสืบ โสโสม |
หัวหน้าวิจัย |
|
|
นาง สุจินตนา พันธ์กล้า |
ผู้ร่วมวิจัย |
|
|
นาง ประมวล ทองตะนุนาม |
ผู้ร่วมวิจัย |
|
|
ผศ. สุมาลี เอี่ยมสมัย |
ผู้ร่วมวิจัย |
|
|
นาง วรรณา ชัยชนะรุ่งเรือง |
ผู้ร่วมวิจัย |
|
|
นาย วรวิทย์ ชัยพรเจริญศรี |
ผู้ร่วมวิจัย |
|
|
นางสาว อุทัยทิพย์ จันทร์เพ็ญ |
ผู้ร่วมวิจัย |
|
|
นาง อรธิรา บุญประดิษฐ์ |
ผู้ร่วมวิจัย |
|
|
ความสำคัญและที่มาของปัญหา : มีหลักฐานการศึกษาวิจัยในประเทศไทยที่พบว่าจำนวนคนพิการมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายการควบคุมการขับรถขณะมึนเมา และการบังคับใช้หมวกและเข็มขัดนิรภัยไม่ประสบผลสำเร็จ และมีหลักฐานที่พบว่าจำนวนการเกิดอุบัติเหตุจากการจราจรบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเทศกาลที่สำคัญ (กาญจนีย์ ดำนาคแก้ว, 2548; สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ, 2551) ตลอดจนการมีหลักฐานยืนยันว่ายิ่งผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้นยิ่งมีแนวโน้มของการมีภาวะทุพพลภาพเพิ่มขึ้น (คณะกรรมการอำนวยการจัดทำแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ, 2544; วรรณภา ศรีธัญรัตน์ และคณะ, 2545; สุทธิชัย จิตะพันธ์กุล, 2545; สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2546) ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าในปี ค.ศ.2020 สาเหตุการตายในทุก 10 คนจะมีคนเสียชีวิตด้วยสาเหตุจากความพิการจำนวน 7 คน (World Health Organization, 2003) ดังนั้นแนวคิดสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดความพิการในอนาคตคือ การสร้างเสริมสุขภาพที่ต้องดำเนินการทั้งในคนปกติและคนพิการ แนวคิดการสร้างเสริมสุขภาพ (health promotion) ได้ถูกนำมาใช้ในระบบบริการสุขภาพที่หลากหลายความหมาย โดยความหมายที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกคือ ความหมายตามกฎบัตรออตตาวาที่กล่าวถึงการสร้างเสริมสุขภาพว่า เป็นกระบวนการทางสังคม และการเมืองที่มิได้มุ่งแต่การดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างทักษะและความสามารถส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทางสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบที่มีต่อสุขภาพของสาธารณชน และบุคคล การสร้างเสริมสุขภาพเป็นกระบวนการสร้างเสริมศักยภาพของบุคคลให้สามารถควบคุมตนเองและสร้างเสริมสุขภาพของตนเองให้ดีขึ้นได้ (WHO, 1986) สำหรับความหมายของการสร้างเสริมสุขภาพตามมิติทางสังคมและวัฒนธรรมนั้นให้ความหมายว่า การสร้างเสริมสุขภาพคือ วิถีของการพัฒนาคนเป็นศูนย์กลาง ด้วยหลักการของการเรียนรู้จากการกระทำ (Learning by doing หรือ interactive learning through action) เปิดโอกาสให้บุคคลมีประสบการณ์ตรงในกระบวนการคิดวิเคราะห์ ฝึกทักษะในการแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการกลุ่ม และใช้การสานเสวนา (dialogue) เป็นพื้นฐาน ที่นำไปสู่ผลลัพธ์สุดท้ายคือ ทำให้บุคคลรู้จักตนเอง ยอมรับผู้อื่น พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา มีความตระหนัก ซึ่งสามารถประเมินได้จากคำพูด และการแสดงว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพมีศักยภาพในตนเองที่เป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ (นิตย์ ทัศนิยม, 2545) เมื่อพิจารณาหลักฐานการวิจัยที่มีอยู่เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพพบว่าแนวคิดสำคัญที่นำมาใช้ในการสร้างเสริมสุขภาพคือ การสร้างเสริมพลังอำนาจให้กับคนพิการ ผู้ดูแล บุคคลในครอบครัว และชุมชนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการพัฒนาคนพิการ ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้พิการคือ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากความพิการ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน แผลกดทับ ความเจ็บปวด ภาวะเหนื่อยล้าและภาวะซึมเศร้า (Rimmer, 1999; Frey & Temple, 2008; Rimmer, 2008) นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่ยืนยันว่าการสร้างเสริมสุขภาพคนพิการนั้นต้องสามารถตอบสนองมิติด้านวัฒนธรรม การเมือง และทรัพยากรโดยใช้บุคคลเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา (Frey & Temple, 2008) อย่างไรก็ตาม Rycroft-Malone และคณะ (2004) วิจารณ์ความรู้จากการปฏิบัติที่เป็นเลิศว่าหากรับมาใช้ทันทีอาจนำไปสู่การละเลยต่อตัวตนที่เป็นเจ้าของชีวิตของทั้งผู้รับบริการ และผู้ให้บริการสุขภาพ และถูกตั้งคำถามด้านจริยธรรมในการให้บริการสุขภาพ เพราะในบางครั้งความรู้ที่เกิดจากการผลิตด้วยวิธีการนี้อาจไม่เหมาะกับประสบการณ์ของทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ สิ่งที่นำมาปฏิบัติต้องคำนึงถึงค่านิยมของผู้ปฏิบัติงานร่วมกับความรู้จากหลักฐานการปฏิบัติที่เป็นเลิศด้วยจึงจะสามารถให้บริการที่มีคุณภาพได้ จากแนวคิดดังกล่าวคณะผู้วิจัยจึงได้พัฒนาบริการสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับ เทศบาลตำบล พุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองคณฑี ตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยพื้นที่นี้รับผิดชอบประชากรจำนวน 7,270 คน มีคนพิการจำนวน 102 คน คิดเป็นร้อยละ 1.4 ของประชากรทั้งหมดโดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการดำเนินการวิจัย การวิจัยเชิงปฏิบัติการเป็นที่ยอมรับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับพัฒนาบุคคลเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความรู้และการปฏิบัติที่ยอมรับค่านิยมของผู้ปฏิบัติการดูแล และผู้รับบริการ ตามระเบียบวิธีวิทยาการวิจัยเชิงปฏิบัติการ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยประกอบด้วยบุคคล 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายที่ 1 คือ ผู้วิจัย ฝ่ายที่ 2 คือ ผู้ร่วมวิจัย และฝ่ายที่ 3 คือผู้รับประโยชน์จากการพัฒนา (Burgess, 2006) โดยหลักการนี้เองสำหรับการวิจัยครั้งนี้จึงมีเป้าหมายในการพัฒนาผู้ร่วมวิจัยซึ่งเป็นฝ่ายที่ 2 คือ ผู้ให้บริการสุขภาพ อาสาสมัครดูแลคนพิการ และฝ่ายที่ 3 คือ คนพิการและผู้ดูแล ด้วยหลักฐานความรู้ดังกล่าว การวิจัยครั้งนี้จึงต้องการพัฒนาผู้ให้บริการสุขภาพด้วยการวิจัยเชิงปฏิบัติการที่ยังต้องการพัฒนาให้เกิดความต่อเนื่องจนกระทั่งเกิดความยั่งยืนของการพัฒนา |
|
|
|
วัตถุประสงค์ของโครงการ |
|
|
2.1 เพื่อศึกษาสถานการณ์ของการให้บริการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับคนพิการ กรณีศึกษาคนพิการตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี 2.2 เพื่อศึกษากระบวนการพัฒนาชุมชนเข้มแข็งเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับบุคคลที่มีความพิการที่เกิดจากการมีเครือข่ายความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยและเครือข่ายบริการสุขภาพคนพิการ ได้แก่ ภาคีเครือข่ายบริการสุขภาพบุคคลที่มีความพิการ ได้แก่ ชมรมผู้สูงอายุตำบลพุกร่าง ศูนย์การศึกษานอกระบบ บริษัทปูนซิเมนต์เอเชียจำกัด เทศบาลตำบลพุกร่าง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองคณฑี สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งทับกวาง และโรงพยาบาลพระพุทธบาท 2.3 เพื่อค้นหาผลลัพธ์ของกระบวนการพัฒนาชุมชนเข้มแข็งเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับบุคคลที่มีความพิการที่เกิดจากการมีเครือข่ายความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยกับภาคีเครือข่ายบริการสุขภาพ ได้แก่ 2.3.1 ผลลัพธ์ของการพัฒนาชุมชนเข้มแข็งเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพที่มีต่อบุคคลที่มี ความพิการ ได้แก่ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ให้บริการสุขภาพ อาสาสมัครดูแลคนพิการ บุคคลที่พิการ และผู้ดูแลคนพิการ 2.3.2 ผลลัพธ์ที่แสดงปัจจัยของความสำเร็จ และอุปสรรคของการพัฒนาชุมชนด้าน สร้างเสริมสุขภาพสำหรับบุคคลที่มีความพิการ |
ขอบเขตของโครงการผลงาน |
|
|
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) ศึกษา ณ สถานบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองคณฑี ตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ดำเนินการศึกษาระหว่างเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ |
|
|
ผลการพัฒนาทำให้เกิดการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการที่ใช้ชุมชนเป็นฐานที่มีภาคีเครือข่ายบริการจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ผู้ให้บริการหลักที่มีอยู่ในชุมชนคือ อพมก.ที่เข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด และเป็นบริการที่สอดคล้องกับวิถีทางสังคมของชุมชน โดยสามารถจำแนกบทบาทของ อพมก. |
บทคัดย่อ |
|
|
|
|
|
ผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารระดับชาติและนานาชาติ |
ปี พ.ศ |
คะแนน |
วันที่เผยแพร่ |
โหลด |
|
การเผยแพร่บทความวิชาการ |
ปี พ.ศ |
คะแนน |
วันที่เผยแพร่ |
โหลด |
|
|
บูรณาการกับโครงการบริการวิชาการ
ความร่วมมืองานวิจัยกับบุคคลภายนอก |
ปีปฏิทิน |
: |
2554 |
ปีการศึกษา |
: |
2555 |
ปีงบประมาณ |
: |
2555 |
วันที่เริ่ม |
: |
1 ธ.ค. 2554 วันที่แล้วเสร็จ :
19 ต.ค. 2555 |
แหล่งเงินทุน |
|
|
ชื่อแฟ้มข้อมูล |
ขนาดแฟ้มข้อมูล |
จำนวนเข้าถึง |
วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด |
Download |
ทั้งหมด 0 รายการ |
|